วันอังคารที่ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2553

โรงแยกก๊าซ ปตท. โครงการเสี่ยงมีผลกระทบร้ายแรงลุกลาม



แม้ คกก.4ฝ่าย จะผ่านให้ไม่เป็นโครงการที่มีผลกระทบรุนแรงแล้ว แต่ไม่ได้ลดความเสี่ยงเดิม ที่เกิดขึ้นแล้ว จากการไม่ตอกเสาเข็มทั้งหมด การรั่วของก๊าซคลอรีน ที่มาจากปัญหาดินทรุดจนถังล้มพังของโรงงานอดิตยา (ของชาวอินเดีย) เป็นตัวอย่างว่า ปัญหาเกิดเพราะเหตุใด การก่อสร้างโรงงานโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัย โครงสร้าง-ฐานรากต่างๆ ไม่แข็งแรงพอเพียง พอเกิดอะไรขึ้น ส่งผลกระทบต่อคนจำนวนมาก และโรงงานหนึ่งๆ มีอายุใช้งาน 25-30 ปี คนอนุมัติแบบคนคำนวณแบบ รับผิดชอบได้จริงๆหรือ ถ้ามีคนบาดเจ็บล้มตายจำนวนมาก และส่งผลลุกลามไปยังโรงงานโดยรอบที่มีอยู่จำนวนมาก

ข่าวเก่า - กรณีโรงแยกก๊าซ เปิดล่าช้า

พลังงานขู่ทบทวนแผนตรึงราคาแอลพีจีถึง ส.ค.2553 ก่อนกำหนด หากโรงแยกก๊าซฯ 6 ปตท.ถูกระงับกิจการ ส่อกองทุนน้ำมันฯ ติดลบ

นายสยุมพร ลิ่มไทย ผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง เปิดเผยภายหลังการร่วมคณะนายวิฑูรย์ สิมะโชคดี ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม ตรวจพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด จ.ระยอง เพื่อหาต้นเหตุว่าโรงงานอุตสาหกรรมใดเป็นตัวการปล่อยก๊าซรั่วออกสู่ชุมนุมชน เมื่อวันที่ 14 ธ.ค. ว่า ในเวลา 14.00 น. วันที่ 15 ธ.ค. จะได้ข้อสรุปว่าโรงงานใดปล่อยก๊าซรั่ว ล่าสุดคณะทำงานตรวจสอบการปล่อยก๊าซให้รั่วไหล ได้บีบพื้นที่ที่ต้องสงสัยให้เหลือ 3 กิโลเมตร และประเมินจากแนวทางที่เกิดกระแสลมพัดกลิ่นก๊าซเข้าหาชุมชน ซึ่งมี 10 โรงงานอุตสาหกรรมเข้าข่ายต้นเหตุ "ได้ขอความร่วมมือกรมควบคุมมลพิษ ส่งเจ้าหน้าที่มาพิสูจน์ว่ากลิ่นก๊าซที่ระเหยออกมาเป็นก๊าซชนิดใด มีอันตรายเพียงใด และขอความร่วมมือตำรวจสอบสวนข้อเท็จจริงด้วย ต้องสอบปากคำเจ้าหน้าที่โรงงานทั้ง 10 แห่ง และผู้บริหารก่อนจะชี้ขาดว่าเป็นโรงงานใด ส่วนการลงโทษเป็นหน้าที่ของการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) และกรมโรงงานอุตสาหกรรม (กรอ.)"
ขณะที่นายวิฑูรย์กล่าวว่า สาเหตุที่ตรวจสอบที่มาของกลิ่นก๊าซรั่วทำได้ยาก เพราะมีการรั่วเพียงเวลาสั้นๆ จึงไม่สามารถค้นหาตัวการปล่อยก๊าซรั่วได้ในทันที แต่กระทรวงได้กำหนดมาตรการแก้ไข ดังนี้ 1.สั่งการให้ กนอ. และ กรอ.ประเมินคุณภาพการทำรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อม (อีไอเอ) ใน 2,200 โรงงานในภาคตะวันออกภายใน 45 วัน เพื่อพิจารณาว่าการดำเนินการตามอีไอเอของแต่ละโรงงานเป็นไปตามข้อกำหนดของกฎหมายหรือไม่ และทำรายงานให้ กรอ.ตรวจสอบในทุก 6 เดือน 2.กำหนดแผนฉุกเฉินเพิ่มเติม โดยโรงงานอุตสาหกรรมเพิ่มเติมมาตรการอย่างเข้มข้น และ 3.จัดตั้งสำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดกลาง เพื่อดูแลสำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดทั่วประเทศ
นพ.วรรณรัตน์ ชาญนุกูล รมว.พลังงาน กล่าวหลังการหารือถึงผลกระทบกรณีมาบตาพุดต่อกิจการด้านพลังงาน ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมถึงบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เมื่อวันที่ 14 ธ.ค. ว่า ขณะนี้ยังไม่ชัดเจนว่าโรงแยกก๊าซธรรมชาติแห่งที่ 6 ของ ปตท.จะเข้าข่ายถูกระงับกิจการหรือไม่ หากถูกระงับจะทำให้ต้องนำเข้าก๊าซหุงต้ม (แอลพีจี) มากขึ้น และกระทบฐานะกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง เพราะต้องเข้าไปชดเชยส่วนต่างราคา จนฐานะกองทุนอาจติดลบได้ กระทรวงอาจทบทวนโครงสร้างราคาแอลพีจี ที่รัฐมีนโยบายตรึงไว้จนถึงเดือน ส.ค.53 "คงต้องดูผลคณะกรรมการ 4 ฝ่ายว่าจะมีมาตรการที่ใช้เวลามากน้อยเพียงใด เพื่อให้สอดคล้องกับมาตรา 67 (2) ของรัฐธรรมนูญปี 50 รวมถึงความชัดเจนคำสั่งศาลว่าโรงแยกก๊าซฯ 6 เข้าข่ายถูกระงับกิจการหรือไม่ เพราะไม่อยากให้ฐานะกองทุนน้ำมันติดลบจนต้องกู้เงินมาชดเชยอีก หากเป็นเช่นนั้น ต้องทบทวนแผนตรึงราคาแอลพีจีก่อนกำหนด หรืออาจไม่ต่ออายุมาตรการ"
อย่างไรก็ตาม ได้กำหนดมาตรการล่วงหน้าหากระงับโรงแยกก๊าซฯ 6 ประกอบด้วย 1. ผลการระงับกิจการจะทำให้ต้องนำเข้าแอลพีจีเพิ่มสูงถึงเดือนละ 100,000 ตัน แต่คลังที่เขาบ่อยารับได้เพียง 88,000 ตัน จึงจะทำคลังลอยน้ำในทะเล 2. ให้โรงแยกก๊าซหน่วยอื่นๆ เลื่อนการหยุดซ่อมประจำปีออกไป ทั้งนี้ จากการประเมินราคาแอลพีจีตลาดโลกปี 53 คาดเฉลี่ยที่ 700 เหรียญสหรัฐฯต่อตัน ส่งผลให้กองทุนน้ำมันฯ จ่ายชดเชยแอลพีจีนำเข้าเดือนละ 1,400 ล้านเหรียญฯ ในปี 53 จะทำให้ฐานะกองทุนน้ำมันฯติดลบ
นายพรชัย รุจิประภา ปลัดกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า หากโรงแยกก๊าซฯ 6 ต้องระงับกิจการ จะทำให้อุตสาหกรรมปิโตรเคมีขั้นปลายหาวัตถุดิบไม่ได้ และต้องนำเข้า รวมถึงไม่สามารถชำระหนี้ได้ตามสัญญา ดังนั้น ภาครัฐต้องหารือมาตรการเยียวยาอื่นๆ นอกจากนี้ จะมีผลต่อการรับซื้อก๊าซฯ ที่มีสัญญา Take or pay ประมาณ 5,900 ล้านบาทในปี 53 ซึ่ง ปตท.จะรับภาระไปก่อน แต่จะไม่นำมาเป็นภาระค่าไฟของประชาชนแน่นอน ส่วนนายชายน้อย เผื่อนโกสุม กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท.อะโรเมติกส์และการกลั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า จะทำหนังสือไปยังศาลปกครองกลาง เพื่อสอบถามความชัดเจนถึงกิจการที่ได้รับอีไอเอก่อนปี 50 โดยเฉพาะโรงแยกก๊าซฯ 6 ว่าจะถูกระงับกิจการหรือไม่ ขณะที่นายสรยุทธ เพ็ชรตระกูล ผู้ช่วย รมว.อุตสาหกรรม กล่าวว่า วันนี้ (15 ธ.ค.) จะนำข้อมูลเกี่ยวกับสถานะ 65 กิจการที่ถูกระงับกิจการ เสนอต่อที่ประชุม ครม. หลังจากให้ กนอ. และ กรอ. สำรวจตามคำสั่งนายกรัฐมนตรี
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กนอ.สรุปรายงานผลสำรวจ 36 โครงการ จาก 53 โครงการ พบมีผลกระทบด้านเศรษฐกิจดังนี้ 1.ผลกระทบทางตรง แบ่งเป็นเงินลงทุน 87,945.95 ล้านบาท รายได้ที่เกิดจากการผลิต 93,449.00 ล้านบาทต่อปี อื่นๆ 340.00 ล้านบาท 2.ผลกระทบต่อเนื่อง แบ่งเป็น สัญญากับผู้รับเหมา 19,540.00 ล้านบาท ค่าปรับที่เกี่ยวข้อง 2,765.00 ล้านบาท คู่ค้า 19,051.50 ล้านบาท ผู้ให้บริการ 1,384.30 ล้านบาท ฯลฯ ส่วนผลกระทบด้านสังคม ประกอบด้วย 1.จำนวนคนว่างงาน 8,488 คน 2.รายได้ค่าครองชีพของครัวเรือน 1,444.50 ล้านบาท/ปี 3.อื่นๆ 50 ล้านบาท รวมมูลค่าความเสียหาย 36 โครงการ รวม 283,964.77 ล้านบาท.
ข้อมูลจาก

วันจันทร์ที่ 21 มิถุนายน พ.ศ. 2553

ลูกชายเสธ.แดง

Pic_91018

สาวเมืองคอนพาลูกชาย5ขวบเข้ากรุงกราบศพพ่อ อ้างเป็น "เมีย-ลูก" ของ "เสธ.แดง" ลั่นพร้อมตรวจดีเอ็นเอ ไม่คิดเรียกร้องอะไร แค่ต้องการให้ลูกอยู่ในสังคมได้อย่างมีเกียรติ...

เมื่อเวลา 18.00 น. วันที่ 21 มิ.ย. ผู้สื่อข่าวหนังสือพิมพ์ไทยรัฐเดินทางไปที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งภายในห้างสรรพสินค้าชื่อดังย่านปิ่นเกล้า เพื่อขอพบ และพูดคุยกับ น.ส.ลัดดาวัลย์ พลฤทธิ์ อายุ 33 ปี ชาว จ.นครศรีธรรมราช หลังทราบข้อมูลว่า น.ส.ลัดดาวัลย์ อ้างว่าเป็นภรรยาอีกคนหนึ่ง ของ พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล หรือ "เสธ.แดง" ผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบก โดยเธออ้างว่า ได้คบหากับ เสธ.แดง มานานจนมีบุตรชายด้วยกัน แต่ยังไม่เคยมีใครนำเรื่องนี้มาเปิดเผยให้สังคมได้รับรู้

ทั้งนี้ เมื่อผู้สื่อข่าวเดินไปถึงที่ร้านตามนัดหมายก็พบ น.ส.ลัดดาวัลย์ พร้อมบุตรชายทราบชื่อคือ ด.ช.นักรบ สวัสดิผล หรือ "น้องแดงน้อย" อายุ 5 ขวบ มานั่งรออยู่ก่อนแล้ว จากการสอบถาม น.ส.ลัดดาวัลย์ เล่าให้ฟังว่า รู้จักกับ เสธ.แดง ตั้งแต่ปี 2546 ช่วงนั้นตนทำงานเป็นผู้สื่อข่าวหนังสือพิมพ์ของสำนักพิมพ์แห่งหนึ่ง มีภารกิจที่ต้องติดตามข่าวสารของ เสธ.แดง จึงมีการแลกเบอร์โทรศัพท์กันไว้ และติดต่อกันเรื่อยมา ทำให้ตนทราบว่า เสธ.แดง เป็นพ่อหม้ายมีลูกติด ส่วนภรรยาเสียชีวิตไปแล้วจึงตัดสินใจคบหากระทั่งเกิดความรู้สึกที่ดี และมีสัมพันธ์กัน หลังจากที่รู้จักกันได้ประมาณ 1 ปี


น.ส.ลัดดาวัลย์ เล่าต่อว่า จากนั้นเมื่อปี 2547 ตนได้ตั้งครรภ์กับ เสธ.แดง ซึ่งทาง เสธ.แดง ก็แสดงความรับผิดชอบมาตลอด จนคลอดลูกออกมาเป็นบุตรชาย ทำให้ เสธ.แดง ดีใจมาก โดยตั้งชื่อให้ว่า ด.ช.นักรบ และยินยอมให้ใช้นามสกุล สวัสดิผล พร้อมทั้งยังเป็นผู้ตั้งชื่อเล่นให้ด้วยว่า น้องแดงน้อย ซึ่งในช่วงเวลา 5 ปีที่ผ่านมา ตนพาลูกกลับไปอยู่ที่บ้านเกิดที่ จ.นครศรีธรรมราช ส่วน เสธ.แดง ก็คอยดูแลส่งเสีย และมักหาเวลานัดพบตนกับลูกอย่างสม่ำเสมอเฉลี่ยสัปดาห์ละ 1 ครั้ง กระทั่งปัจจุบันนี้บุตรชายเรียนอยู่ชั้นอนุบาล 3 ทุกครั้งที่เจอหน้ากัน เสธ.แดง ก็มักจะพาลูกไปเที่ยวสวนสัตว์ ไปขี่ม้า และพาไปดูรถถัง โดยความฝันของ เสธ.แดง คืออยากให้ลูกเป็นนายทหาร และเป็นนักรบที่เก่งให้ได้เหมือนอย่างพ่อ

ผู้สื่อข่าวถามว่าพอทราบข่าวการเสียชีวิตของ เสธ.แดง แล้วรู้สึกอย่างไร น.ส.ลัดดาวัลย์ ตอบว่า รู้สึกใจหาย และเสียใจมากเพราะ เสธ.แดง ถูกยิงก่อนวันที่น้องแดงน้อย จะเปิดเทอมเพียง 1 วัน ซึ่งในช่วงเช้าวันที่ 14 พ.ค. ตนพยายามโทรศัพท์หา เพื่อบอกว่าลูกกำลังจะไปโรงเรียน แต่ก็ไม่สามารถติดต่อได้ จนกระทั่งมีญาติสนิทมาแจ้งข่าวว่า เสธ.แดง ถูกยิงตั้งแต่ช่วงกลางดึกอาการเป็นตายเท่ากัน ตอนนั้นพยายามให้กำลังใจตัวเองด้วยการสวดมนต์ไหว้พระบอกกล่าวต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ขอให้เกิดปาฏิหาริย์ และทำใจเรื่อยมา จนเสธ.แดง สิ้นลมที่วชิรพยาบาลเมื่อวันที่ 17 พ.ค.ที่ผ่านมา

เมื่อถามถึงสาเหตุที่ตัดสินใจออกมาเปิดเผยเรื่องนี้ต่อสังคม น.ส.ลัดดาวัลย์ ตอบว่า ตนพาลูกเดินทางมากรุงเทพฯ เพื่อมากราบศพ เสธ.แดง เป็นครั้งสุดท้าย เพราะในวันพรุ่งนี้ (22 มิ.ย.) ก็จะมีพิธีพระราชเพลิงศพที่วัดโสมนัสแล้ว ทีแรกตั้งใจว่าจะพากันไปที่วัดตั้งแต่เช้าตรู่ เพื่อถ่ายรูปหน้าศพเก็บไว้ เป็นที่ระลึก และจะอยู่กันอย่างเงียบๆ จนเสร็จพิธี พอคิดอีกทีก็รู้สึกสงสารลูกที่ต้องใช้ชีวิตอยู่อย่างลับๆ มาตลอด 5 ปีแล้ว ซึ่งจากนี้ไปน้องแดงน้อย ควรอยู่ในสังคมได้อย่างมีศักดิ์ศรี และบอกใครๆ ได้เต็มปากว่า เป็นลูกชายของ พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล โดยเฉพาะหากตนมีโอกาสทำความฝันของ เสธ.แดง ด้วยการส่งเสียผลักดันให้ลูกได้เป็นนายทหารจริงๆ ลูกจะได้ไม่รู้สึกลังเลที่จะบอกใครต่อใครว่าเป็นทายาทของ เสธ.แดง


"ตนขอยืนยันว่าไม่ได้ออกมาเรียกร้องเพื่อขอรับสิทธิ์หรือขอความช่วย เหลือจากผู้ใดทั้งสิ้น เพราะวางแผนเอาไว้แล้วว่าจะทำธุรกิจหาเลี้ยงลูกด้วยลำแข้งของตัวเอง ที่ตัดสินใจเอาเรื่องนี้ออกมาเปิดเผยต่อสื่อมวลชนก็เพื่อความชอบธรรมของลูก ที่ต้องใช้ชีวิตต่อไปในสังคมเท่านั้น โดยตนพร้อมที่จะพิสูจน์ข้อเท็จจริงทุกอย่างว่า น้องแดงน้อย เป็นทายาทของ เสธ.แดงจริงๆ และตนก็ไม่กลัวถ้าหากมีใครต้องการให้พิสูจน์เรื่องนี้ด้วยผลตรวจทางดีเอ็นเอ" น.ส.ลัดดาวัลย์ กล่าว

ด้าน ด.ช.นักรบ สวัสดิผล หรือ "น้องแดงน้อย" ได้กล่าวกับผู้สื่อข่าวอย่างไร้เดียงสาว่า "คุณพ่อหนูชื่อ ขัตติยะ สวัสดิผล ตอนนี้ตายไปแล้วเพราะถูกผู้ร้ายยิง หนูคิดถึงคุณพ่อมาก อยากให้คุณพ่อพาไปสวนสัตว์ ดูจระเข้ ดูฮิปโป ขี่ช้าง อยากให้คุณพ่อสอนยิงปืนใส่ก้อนหินให้อีก หนูจะตั้งใจเรียนเพราะอยากเป็นทหารเหมือนคุณพ่อ".

วันอังคารที่ 15 มิถุนายน พ.ศ. 2553

ต้นไม้เฉา เมื่อกีาซรั่ว ที่มาบตาพุด




ต้นไม้ยังแบบนี้ แล้วอวัยวะภายในของคนมาบตาพุด จะเป็นแบบไหน

รายชื่อชุมชน ต่างๆ เขตเทศบาลเมืองมาบตาพุด และผังเมือง





รายชื่อชุมชน ในเขตเทศบาลเมืองมาบตาพุด ระยอง

  1. หนองแฟบ
  2. บ้านบน
  3. ตลาดมาบตาพุด
  4. วัดมาบตาพุด
  5. คลองน้ำหู
  6. มาบชะลูด
  7. บ้านล่าง
  8. วัดโสภณ
  9. มาบข่า
  10. เขาไผ่
  11. ชากลูกหญ้า
  12. มาบยา
  13. ซอยร่วมพัฒนา
  14. หนองหวายโสม
  15. โขดหิน
  16. ตลาดห้วยโป่ง
  17. อิสลาม
  18. ตากวน-อ่าวประดู่
  19. หนองบัวแดง
  20. สำนักกะบาก
  21. ห้วยโป่งใน
  22. บ้านพลง
  23. กรอกยาชา
  24. หนองน้ำเย็น
  25. เกาะกก-หนองแตงเม

วันอังคารที่ 8 มิถุนายน พ.ศ. 2553

โรงแยกก๊าซใหม่ ของ ปตท. ความมั่นคงทางพลังงาน บนความเสี่ยง

กลุ่มพิทักษ์อากาศสดชื่น ยื่นหนังสือ กับนายกอภิสิทธิ์

รูปนี้ เคยแจ้งให้ นายกอภิสิทธ์ รับรู้ มาตั้งแต่ 16 มกราคม 2553
แจ้งให้ อดีต นายก อานันท์ ปันยารชุน มาตั้งแต่ 2 เมษายน 2553
แจ้งไปยัง วิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย
แจ้งไปยัง ผู้ว่าราชการจังหวัด ระยอง
แจ้ง ไปยัง นายสาธิต ปิตุเตชะ สส ระยอง
แจ้งไปยัง ศาลปกครอง ให้เร่งรัดไต่สวน ฉุกเฉิน เมื่อ 27 พฤษภาคม 2553
ศาลปกครอง ยกคำร้องขอให้ไต่สวนฉุกเฉิน มองไม่เห็นความเสี่ยง
แล้วภาพนี้ ควรจะแจ้งใครต่อ ...


โรงแยกก๊าซ ปตท. ความมั่นคงทางพลังงาน บนความเสี่ยง 1/4



กรณีศึกษาเรื่องการทรุดตัวของฐานรากตื้น ใน 3 โครงการ ของ ปตท. มาบตาพุด ระยอง

Shallow Foundation Settlement Case Study, PTT Maptaphut Rayong

วันศุกร์ที่ 4 มิถุนายน พ.ศ. 2553

นายกอภิสิทธิ์ / สิ่งแวดล้อม และระเบิดที่รอเวลา - วันสิ่งแวดล้อมโลก

ในช่วงเวลา 4-5 ปี มีปัญหาการเมืองเรื่องอดีตนายกทักษิณ ภาคอุตสาหกรรมในมาบตาพุด หมกเม็ดก่อสร้างโดยปราศจากความมั่นคงแข็งแรง เพราะโรงงานจะเสร็จช้าไปอีก 6-8 เดือน จึงละเลยที่ไม่ตอกเสาเข็ม หอต้มหอกลั่นหอความดัน สูงมากกว่าตึก 10 ชั้น ทั้งๆที่ควรจะทำให้แข็งแรงเป็นพิเศษ เพราะโรงงานเกิดระเบิดได้ การระเบิดอาจลุกลามไปยังคลังก๊าซคลังสารเคมีที่มีจำนวนมาก ประมาณว่ามีรถก๊าซจอดรวมกันอยู่ 4,500 คัน ถ้ามีรถคันหนึ่งคว่ำ อยู่ใกล้ๆ กัน มันจะน่าสยดสยองขนาดไหน คนในที่อื่นๆ คงไม่รู้สึกเหมือนคนแถวมาบตาพุด เพราะมันอยู่ห่างจากตลาดแค่ 1-2 กิโลเมตร เท่านั้นเอง

ขณะนี้เป็นช่วงของฤดูฝน การที่ฝนตกติดต่อกันหลายวัน จะทำให้ดินชุ่มไปด้วยน้ำและลดการรับแรง รับน้ำหนักต่างๆ ประกอบกับการมีพายุลมแรง อาจจะทำให้เกิดการล้มพังของโครงสร้างที่ไม่ได้ตอกเสาเข็มได้ เช่นดังต้นไม้ใหญ่แม้มีรากหยั่งลึกเสมือนเสาเข็มที่ยึดโยงแล้วนั้น ยังล้มยกทั้งรากทั้งดินขึ้นมาเพราะเจอพายุฝนลมแรง ดังที่ปรากฏให้เห็นอยู่ทั่วไป ซึ่งทำให้เกิดความวิตกกังวลขวัญแขวนในส่วนผู้ที่ได้รับรู้ข้อมูลเรื่องนี้แล้วจำนวนมาก ช่วงมีฝนตกหนักและมีพายุลมแรง

- เรื่องราวนี้ ส่งกับมือ นายกรัฐมนตรี เมื่อ 16 ม.ค. 53 ส่งทางอีเมล์ ถึง รมต. 2 ท่าน และท่านเลขา ปณิธาน พักเรื่องม๊อบทักษิณ จบเรื่องรัฐบาลตกแตก รอฝนตกลงมา อีก 1-2 เดือน คงมีเรื่องใหญ่ๆ ให้ตามเยียวยาอีกแน่ๆ ที่มาบตาพุด (รู้ว่าไฟจะไหม้จะมีการเผา รู้ล่วงหน้าเป็นเดือน แล้วทำไม มันจึงวอดวายทั้งกลางกรุงและศาลากลางต่างจังหวัด)

ภาพอธิบายซ้ำ ว่าดินรับน้ำหนักได้ 30 ตัน/ม2 คืออะไร

คลิ๊กขวาที่รูป-เปิดในหน้าต่างใหม่ เพื่อดูรูปขนาดใหญ่









โครงสร้างพิเศษสำคัญทั้งหมดที่เห็น ... ไม่ได้ตอกเสาเข็ม !!!
มันเคยทรุดพัง เคยระเบิด แม้ว่าจะลงทุนสูงเพียงใด

วันพุธที่ 2 มิถุนายน พ.ศ. 2553

ปลาอานนท์ กับ โลกที่ผ่านมา เกือบหนึ่งอสงไขย์ (200 ล้านปี)



อันโบราณกาลละครั้งนั้น เล่าขานกันว่า "ปลาอานน" หรือ "ปลาอานนท์" นี่เป็นปลาที่เกิดขึ้นตั้งแต่สมัยสร้างโลกใหม่ๆ เป็นปลาที่มีภาระหนักมาก เพราะจะต้อง "แบกน้ำหนักของโลกไว้"

ปลาอานน มีร่างกายใหญ่โตโอฬารมากมายเหลือคณา เล่ากันว่าหากวัดความยาวของปลาอานนท์ นี้นับได้เป็นพันๆ โยชน์เชียวหล่ะท่าน

ปลาอานน นิ่งสงบ และแบกโลกไว้ แต่อยู่มาก็อาจจะเกิดความเมื่อยขบ ก็เลยพลิกตัวบ้าง เพื่อเป็นการเปลี่ยนอิริยาบท ที่ได้แบกโลกไว้ ก็เลยทำให้เกิดแผ่นดินไหว ภัยพิบัติเหนือผิวโลก ลมฟ้าแปรปรวน .....

นี่แหล่ะคือสาเหตุที่ทำให้เกิดแผ่นดินไหว เขาว่ามาอย่างนั้น !!!
ปลาหิมพานต์ มีปลาใหญ่ 7 ตัว ชื่อตามลำดับไหล่ ติรณะ ติมิงคละ ตรปิงคละ อานนท์ นิรยะ อัชฌนาโรหะ และ มหาติมิ ปลาอานนท์ ชื่อลำดับที่ 4 ตัวใหญ่ๆ หนุนชมพูทวีป เวลาแผ่นดินไหว ผู้ใหญ่เคยเล่าว่าปลาอานนท์กระดิกตัว7 ปลาผู้ยิ่งใหญ่ ตัวเล็กที่สุด ยาว 75 โยชน์ ตัวใหญ่ ยาวถึง 5 พันโยชน์ เวลากระดิกหาง ทะเลก็จะปั่นป่วนตีฟอง ดังหม้อแกงเดือดไกลไปตั้ง 800 โยชน์ ที่น่าแปลกใจ จินตนาการโบราณ มีปลาใหญ่หนุนโลกอยู่ 7 ตัว วันนี้ วิชาธรณีวิทยาก้าวหน้า พบว่า แผ่นดินที่เราอยู่บนเปลือกโลกต่อกันเป็นทอดๆ 8 แผ่น ลอยอยู่บนก๊าซที่เป็นของเหลว ใกล้เคียงปลาอานนท์หนุนโลกเต็มที

ความอัศจรรย์ไม่เคยมีในมหาสมุทร ๘ ประการ
[๔๔๙] ครั้งนั้น พระผู้มีพระภาครับสั่งกะภิกษุทั้งหลายว่า ดูกรภิกษุ
ทั้งหลาย ความอัศจรรย์ ไม่เคยมี ในมหาสมุทร ๘ อย่างนี้ ที่พวกอสูรพบเห็น
แล้ว พากันชื่นชมอยู่ในมหาสมุทร ๘ อย่างเป็นไฉน
ดูกรภิกษุทั้งหลาย มหาสมุทรลุ่มลึกลาดลงไปโดยลำดับ มิใช่ลึกมาแต่
เดิมเลย
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ข้อที่มหาสมุทรลุ่มลึกลาดลงไปโดยลำดับมิใช่ลึกมา
แต่เดิมเลย นี้เป็นความอัศจรรย์ ไม่เคยมี ในมหาสมุทรเป็นข้อที่ ๑ ที่พวก
อสูรพบเห็นแล้ว พากันชื่นชมในมหาสมุทร ฯ
[๔๕๐] ดูกรภิกษุทั้งหลาย อนึ่ง มหาสมุทรตั้งอยู่ตามธรรมดาไม่ล้นฝั่ง
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ข้อที่มหาสมุทรตั้งอยู่ตามธรรมดาไม่ล้นฝั่ง แม้นี้เป็น
เป็นความอัศจรรย์ ไม่เคยมี ในมหาสมุทรเป็นข้อที่ ๒ ที่พวกอสูรพบเห็นแล้ว
พากันชื่นชมในมหาสมุทร ฯ
[๔๕๑] ดูกรภิกษุทั้งหลาย อนึ่ง มหาสมุทรไม่ร่วมกับซากศพที่ตายแล้ว
ซากศพที่ตายแล้วใดมีอยู่ในมหาสมุทร มหาสมุทรย่อมนำซากศพที่ตายแล้วนั้นไป
สู่ฝั่ง ซัดขึ้นบกโดยพลัน
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ข้อที่มหาสมุทรไม่ร่วมกับซากศพที่ตายแล้ว ซากศพ
ที่ตายแล้วใดมีอยู่ในมหาสมุทร มหาสมุทรย่อมนำซากศพที่ตายแล้วนั้นไปสู่ฝั่ง
ซัดขึ้นบกโดยพลัน แม้นี้ก็เป็นความอัศจรรย์ ไม่เคยมี ในมหาสมุทร เป็นข้อ
ที่ ๓ ที่พวกอสูรพบเห็นแล้ว พากันชื่นชมในมหาสมุทร ฯ
[๔๕๒] ดูกรภิกษุทั้งหลาย อนึ่ง แม่น้ำใหญ่บางสาย คือ แม่น้ำคงคา
ยมุนา อจิรวดี สรภู มหี ไหลถึงมหาสมุทรแล้วย่อมละนามและโคตรเดิมเสีย
ถึงซึ่งอันนับว่ามหาสมุทรทีเดียว
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ข้อที่แม่น้ำใหญ่บางสาย คือ แม่น้ำคงคา ยมุนา
อจิรวดี สรภู มหี ไหลถึงมหาสมุทรแล้ว ย่อมละนามและโคตรเดิมเสีย ถึง
ซึ่งอันนับว่ามหาสมุทรทีเดียว แม้นี้ก็เป็นความอัศจรรย์ ไม่เคยมีในมหาสมุทรข้อ
ที่ ๔ ที่พวกอสูรพบเห็นแล้วพากันชื่นชมในมหาสมุทร ฯ
[๔๕๓] ดูกรภิกษุทั้งหลาย อนึ่ง แม่น้ำบางสายในโลกที่ไหลไป ย่อม
ไปรวมยังมหาสมุทร และสายฝนยังตกลงมาจากอากาศ ความพร่องหรือความเต็ม
ของมหาสมุทรย่อมไม่ปรากฏ เพราะเหตุนั้น
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ข้อที่แม่น้ำบางสายในโลกที่ไหลไป ย่อมไปรวมยัง
มหาสมุทร และสายฝนยังตกลงมาจากอากาศ ความพร่องหรือความเต็มของ
มหาสมุทร ไม่ปรากฏ เพราะเหตุนั้น แม้นี้ก็เป็นความอัศจรรย์ ไม่เคยมี ใน
มหาสมุทรเป็นข้อที่ ๕ ที่พวกอสูรพบเห็นแล้ว พากันชื่นชมในมหาสมุทร ฯ
[๔๕๔] ดูกรภิกษุทั้งหลาย อนึ่ง มหาสมุทรมีรสเค็มรสเดียว ดูกร
ภิกษุทั้งหลาย ข้อที่มหาสมุทรมีรสเค็มรสเดียว แม้นี้ก็เป็นความอัศจรรย์ ไม่เคย
มีในมหาสมุทรเป็นข้อที่ ๖ ที่พวกอสูรพบเห็นแล้ว พากันชื่นชมในมหาสมุทร ฯ
[๔๕๕] ดูกรภิกษุทั้งหลาย อนึ่ง มหาสมุทรมีรัตนะมาก มีรัตนะมิใช่
ชนิดเดียว รัตนะในมหาสมุทรนั้นเหล่านี้ คือ แก้วมุกดา แก้วมณี แก้วไพฑูรย์
สังข์ ศิลา แก้วประพาฬ เงิน ทอง ทับทิม มรกต
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ข้อที่มหาสมุทรมีรัตนะมาก มีรัตนะมิใช่ชนิดเดียว
รัตนะในมหาสมุทรนั้นเหล่านี้ คือ แก้วมุกดา แก้วมณี แก้วไพฑูรย์ สังข์ ศิลา
ประพาฬ เงิน ทอง ทับทิม มรกต แม้นี้ก็เป็นความอัศจรรย์ ไม่เคยมีใน
มหาสมุทร เป็นข้อที่ ๗ ที่พวกอสูรพบเข้าแล้ว พากันชื่นชมในมหาสมุทร ฯ
[๔๕๖] ดูกรภิกษุทั้งหลาย อนึ่ง มหาสมุทรเป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์
ใหญ่ๆ สัตว์ใหญ่ๆ ในมหาสมุทรนั้นเหล่านี้ คือ ปลาติมิ ปลาติมิงคละ ปลา
ติมิติมิงคละ ปลามหาติมิงคละ อสูร นาค คนธรรพ์ อยู่ในมหาสมุทร มี
ลำตัวตั้งร้อยโยชน์ก็มี สองร้อยโยชน์ก็มี สามร้อยโยชน์ก็มี สี่ร้อยโยชน์ก็มี
ห้าร้อยโยชน์ก็มี
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ข้อที่มหาสมุทรเป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์ใหญ่ๆ สัตว์
ใหญ่ๆ ในมหาสมุทรนั้นเหล่านี้ คือ ปลาติมิ ปลาติมิงคละ ปลาติมิติมิงคละ
ปลามหาติมิงคละ อสูร นาค คนธรรพ์ อยู่ในมหาสมุทร มีลำตัวตั้งร้อยโยชน์ก็มี
... ห้าร้อยโยชน์ก็มี แม้นี้ก็เป็นความอัศจรรย์ ไม่เคยมีในมหาสมุทร เป็นข้อที่
๘ ที่พวกอสูรพบเห็นแล้ว พากันชื่นชมในมหาสมุทร
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ความอัศจรรย์ไม่เคยมีในมหาสมุทร ๘ อย่างนี้แล ที่
พวกอสูรพบเห็นแล้ว พากันชื่นชมอยู่ในมหาสมุทร ฯ

มหานทีสีทันดร
มหานที แปลว่า ห้วงน้ำใหญ่มาก สีทะ แปลว่า ทำให้ทุกๆ สิ่งจมลง อันตระ แปลว่า ระหว่าง รวมความว่ามหานทีสีทันดร แปลว่า มหาสมุทรใหญ่ที่มีน้ำละเอียดไม่มีสิ่งใดลอยอยู่ได้ ล้อมรอบภูเขาสิเนรุไปจรดภูเขาจักรวาล น้ำในมหานทีสีทันดรที่ว่าไม่มีสิ่งใดลอยอยู่ได้นั้นเพราะเป็นน้ำทิพย์ละเอียด แม้แต่แววหางนกยูงที่แสนจะเบาบางเมื่อตกลงไปยังไม่อาจจะลอยอยู่ได้ น้ำในนทีสีทันดรนั้นลึกมาก บริเวณรอบเขาสิเนรุจะลึกที่สุด และลึกน้อยลงเมื่ออยู่ไกลออกไป โบราณว่าแผ่นดินไหวเพราะปลาอานนท์พลิกตัว ปลาอานนท์หรือปลาอานันทะที่ว่านี้เป็นปลาใหญ่อยู่ในมหานทีสีทันดร ซึ่งนอกจากจะมีปลาอานนท์แล้วก็ยังมีปลาใหญ่อื่นๆ อีกรวม ๘ ชนิด คือ
ปลาติมิ ใหญ่ ๒๐๐ โยชน์
ปลาติมิงคละ ใหญ่ ๓๐๐ โยชน์
ปลาติมิติมิงคละ ใหญ่ ๔๐๐ โยชน์
ปลาติมิรมิงคละ ใหญ่ ๕๐๐ โยชน์
ปลาอานันทะ ใหญ่ ๑,๐๐๐ โยชน์
ปลาติมินทะ ใหญ่ ๑,๐๐๐ โยชน์
ปลาอัชฌาโรหะ ใหญ่ ๑,๐๐๐ โยชน์
ปลามหาติมิ ใหญ่ ๑,๐๐๐ โยชน์
ด้วยความที่เป็นปลาตัวใหญ่มากนี่เอง เมื่อปลาติมิรมิงคละกระดิกหูเพียงข้างเดียวก็ทำให้น้ำกระเพื่อมไกลถึง ๕๐๐ โยชน์ หรือเมื่อกระดิกหัวหรือกระดิกหาง น้ำก็จะกระเพื่อมไปไกล ๕๐๐ โยชน์เหมือนกัน ยิ่งถ้าถึงขั้นกระดิกหูพร้อมกันสองข้าง เอาหางฟาดน้ำ หรือส่ายหัวเล่นน้ำ น้ำก็จะเป็นฟองเดือดพล่านไปไกลถึง ๗๐๐-๘๐๐ โยชน์เลยทีเดียว
ในคัมภีร์พระไตรปิฎกฝ่ายมหายานมีเรื่องราวของมหานทีสีทันดอนละเอียดและแปลกออกไปอีก คือ บอกว่าน้ำในนทีสีทันดรที่อยู่ระหว่างเขาสัตตบริภัณฑ์นั้นเป็นน้ำต่างชนิดกัน ๗ อย่าง คือ ๑ น้ำนม ๒ น้ำนมส้ม ๓ น้ำเนย ๔ น้ำอ้อย ๕ น้ำเหล้า ๖ น้ำจืด ๗ น้ำเค็ม เมื่อนับจากชั้นในไปชั้นนอกโดยลำดับ
มหานทีสันทันดรเป็นที่อยู่ของเทวดาจำพวกนาค เรียกว่า นาคเทวดา รวมทั้งนาคที่ไม่ใช่เทวดาด้วย ในคัมภีร์อรรถกถาพระไตรปิฎกไม่ได้พูดถึงเรื่องนาคกับครุฑรบกันเหมือนคัมภีร์ทางศาสนาพราหมณ์ เพียงแต่พูดถึงนิดหน่อยว่าครุฑสามารถจับนาคได้ถ้าเป็นนาคต่ำศักดิ์ โดยเฉพาะนาคบนระลอกคลื่นอาจถูกพวกครุฑจับตัวได้ง่ายๆ

ในสมัยโบราณมีความเชื่อกันว่า ใต้โลกที่คนเราอาศัยอยู่นี้ มีปลาตัวใหญ่ตัวหนึ่งหมุนอยู่ เรียกว่า ปลาอานนท์ และยังเชื่อกันว่า เวลาที่ปลาตัวนี้พลิกตัว จะทำให้แผ่นดินไหว แต่บางตำนานกล่าวว่า.....ปลาอานนท์เป็นหนึ่งในพญาปลาทั้ง 7 ที่อาศัยอยู่ในทะเลสีทันดร ซึ่งมีชื่อดังนี้
1. ติมิ
2. ติมิงคละ
3. ติมิงปิงคละ
4. อานนท์
5. ติมินท์
6. อัชฌโรหะ
7. มหาติมิ
ปลาทั้ง 7 นี้แต่ละตัวยาว 4,000,000 วา
จากวรรณกรรมนิราศนรินทร์คำโคลง ยังมีบทประพันธ์ที่กล่าวถึงชื่อปลาหนึ่งในเจ็ดตัวนี้ ดังนี้
นทีสี่สมุทรม้วย หมดสาย
ติมิงคล์มังกรนาคผาย ผาดส้อน.....
ปลาอานนท์ยังมีเรื่องราวเกี่ยวข้องกับตำนานไฟล้างโลกด้วย คือ ..... เมื่อคนทั้งหลายทำบาป ไม่รู้จักบุญไม่รู้จักกรรมอันใดทั้งสิ้น ดังในคำกาพย์เรื่อง พระไชยสุริยา ของสุนทรภู่บรรยายไว้ว่า.....
ที่ซื่อถือพระเจ้า ว่าโง่เง่าเต่าปูปลา
ผู้เฒ่าเหล่าเมธา ว่าใบ้บ้าสาระอำ
ภิกาสมณะ เล่าก็ละพระธรรม
คาถาว่าลำนำ ไปเร่ร่ำทำเฉโก
.......... ..........
ลูกศิษย์คิดล้างครู ลูกไม่รู่คุณพ่อมัน
ส่อเสียดเบียดเบียนกัน ลอบฆ่าฟันคือตัณหา

เมื่อคนบาปทำบาปมากเข้า ผลของบาปก็ทำให้เกิดความแห้งแล้งไปทั่ว ฝนไม่ยอมตก แสงแดดแผดจ้า จนแหล่งน้ำทั้งหลายเหือดแห้งสัตว์น้ำต่างๆ พากันตายเกลือน ต่อจากนั้นก็จะเกิดตะวันขึ้น 2 ดวง .....ดวงหนึ่งตก อีกดวงหนึ่งก็จะขึ้นมาแทน ทำให้ไม่มีกลางคืน ความร้อนจะทำให้แห้งแล้งยิ่งขึ้น ผู้คนจะล้มตาย และคนดีจะไปสู่สวรรค์ คนเลวก็ตกนรกไป
จากนั้นก็จะมีตะวันขึ้นเป็น 3 ดวง, 4 ดวง และถึง 5 ดวง ......ทำให้แม่น้ำใหญ่ทั้ง 5 สระใหญ่...ทั้ง 7 ป่าหิมพานต์แห้งเหือดไป...ฝูงสัตว์น้ำตายสิ้น...น้ำในมหาสมุทรขอดเหลือเพียงข้อมือเดียว แล้ในไม่ช้าตะวันจะขึ้นเป็น 6 ดวง น้ำในมหาสมุทรแห้งสิ้น...ทั่วทั้งจักรวาลร้อนระอุเหมือนอยู่ในเตาเผา ในที่สุด ตะวันขึ้นเป็น 7 ดวง พญาปลาง 7 ซึ่งอยู่นทะเลสีทันดรทั้ง 7 ชั้นก็จะละลายไหลเป็นน้ำมันติดไฟลุกไหม้ขึ้น ดังประกาศแช่งน้ำ กล่าวถึงวันสิ้นโลกว่า.....
นานาอเนกน้าวเดิมกัลป์ จักร่ำจักราพาฬเมื่อไหม้
กล่าวถึงตะวันเจ็ดอันพลุ่ง น้ำแล้งไข้ขอดตาย
เจ็ดปลามันพุ่งหล้าเป็นไฟ วาบจตุราบายแผ่นขว้ำ
ชักไตรตรึงษ์เป็นเผ้า แลบ่ล้ำสีละอง...

กล่าวกันว่าเมื่อไฟล้างโลกนั้น ไฟจะไหม้ทั้งกามภูมิ 11 ชั้น คือ จตุราบายภูมิ มนุษยภูมิ ฉกามาพจรภูมิ และ พรหมโลก รวมเป็น 14 ชั้น
...ระยะไฟไหม้นั้นจะกินเวลานานถึงอสงไข ทุกอย่างสิ้นหมดแล้วโลกก็รอเวลาสร้างขึ้นมาใหม่ หมุนเวียนเปลี่ยนไปเป็นนิจนิรันดร์. (อสงไขยเป็นอนันตกาล)
เรื่องของโลก เรื่องของธรรม ที่คล้ายกัน ... โลกนี้มีการเปลี่ยนแปลง มานมนาน
ท่านพระอานนท์รับพระพุทธพจน์แล้ว พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแสดง (เรื่องโลกธาตุ) ว่า อานนท์ ดวงจันทร์และดวงอาทิตย์แผ่รัศมี ส่องแสงทำ ให้สว่างไปทั่วทิศตลอดที่มีประมาณเท่าใด โลกมีเนื้อที่เท่านั้นจำนวน ๑,๐๐๐ ใน ๑,๐๐๐ โลกนั้น มีดวงจันทร์ ดวงอาทิตย์ ภูเขาสิเนรุ อย่างละ ๑,๐๐๐ มีชมพูทวีป อปรโคยานทวีป อุตตรกุรุทวีป ปุพพวิเทหทวีปอย่างละ ๑,๐๐๐ มีมหาสมุทร มีมหาราช อย่างละ ๔,๐๐๐ มีสวรรค์ ๖ ชั้น และพรหมโลก ชั้นละ ๑,๐๐๐ นี้เรียกว่า สหัสสีจูฬนิกาโลกธาตุ (โลกธาตุอย่างเล็กมีพันจักรวาล).


การศึกษาทางธรณีวิทยา เรื่องการเคลื่อนตัวของเปลือกโลก เมื่อ 200 ล้านปีก่อน หรือ ประมาณว่า 1 อสงไขย์






การเคลื่อนตัวของเปลือกโลก